Tense

Tense
easyeasyenglish

วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

Aesop's Fables

Aesop's Fables

The Ant and the Chrysalis



The Ant and the Chrysalis

             An Ant nimbly running about in the sunshine in search of food came across a Chrysalis that was very near its time of change.

The Chrysalis moved its tail, and thus attracted the attention of the Ant, who then saw for the first time that it was alive.

“Poor, pitiable animal!” cried the Ant disdainfully.

“What a sad fate is yours! While I can run hither and thither, at my pleasure, and, if I wish,
-ascend the tallest tree, you lie imprisoned here in your shell, with power only to move a joint or two of your scaly tail. ”

The Chrysalis heard all this, but did not try to make any reply. A few days after, when the Ant passed that way again, nothing but the shell remained.

Wondering what had become of its contents, he felt himself suddenly shaded and fanned by the gorgeous wings of abeautiful Butterfly.

“Behold in me,” said the Butterfly, “your much-pitied friend! Boast now of your powers to run and climb as long as you can get me to listen.”

So saying, the Butterfly rose in the air, and, borne along and aloft on the summer breeze, was soon lost to the sight of the Ant forever.


“Appearances are deceptive.”


มดกับดักแด้
 

              ในวันอากาศแจ่มใส มดตัวหนึ่งกำลังวิ่งออกหาอาหารอย่างคล่องแคล่ว มันเดินข้ามผ่านดักแด้ตัวหนึ่งซึ่งกำลังจะเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายจากดักแด้เป็นผีเสื้อ

ดักแด้ที่ขยับหางของมัน ทำให้มดจ้องมองด้วยความสนใจ และรู้ว่าสิ่งที่มันเห็นนั้นมีชีวิต

“น่าสงสารจริง ๆ เล๊ย…ย” มดร้องด้วยเสียงเหยียดหยัน

“เจ้านี่ช่างมีโชคชะตาที่น่าเศร้าอะไรเช่นนี้ ในขณะที่ข้าสามารถที่จะวิ่งไปไหนมาไหนได้ตามที่ใจต้องการ ปีนขึ้นยอดขต้นไม้ แต่เจ้ากลับได้แต่นอนนิ่งในเปลือกของตัวเองอยู่ตรงนี้ และมีแรงแค่ขยับหางเท่านั้น

ดักแด้ได้ยินคำเหยียดหยันที่มดพูดออกมาทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้โต้ตอบใด ๆ ไม่กี่วันต่อมา เมื่อมดตัวดังกล่าวเดินผ่านมาทางนั้นอีกครั้ง ก็ไม่พบสิ่งใดอีก นอกจากเปลือกของดักแด้ที่ยังคงอยู่บริเวณนั้น

มันประหลาดใจว่าสิ่งที่อยู่ในเปลือกกลายไปเป็นอะไร มดรู้สึกทันทีว่าตัวเองกำลังได้รับร่มเงาจากปีกที่สวยงามของผีเสื้อ

 “เห็นข้าไหม” ผีเสื้อพูด “เจ้าน่าเวทนายิ่งนัก! ตอนนี้เจ้าสามารถโอ้อวดพละกำลังของเจ้าในการวิ่งและปีนไต่ได้เท่าที่ขขเจ้าอยากให้ข้าฟัง”

จากนั้น ผีเสื้อก็บินขึ้นไปในอากาศ มุ่งหน้าไปตามสายลมที่แผ่วเบาในฤดูร้อน จนลับสายตาของมดไปตลอดกาล

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

 “สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น”

The Lion and The Deer


The Lion and The Deer
           A little deer was nibbling tender grass happily until he accidentally wandered into the lion’s region.
The little deer saw the footprints of lions and felt scared.
Because he had heard that lions were mean and would surely kill him.
A lion walked past and saw the little deer trembling on the ground.
The lion just walked past without paying attention the little deer but also wondering why the lion did not harm him. 
After a while another lion walked past the little deer slowly looked up.
The lion also walked past him like the other lion without turning his face to see the deer.
The little deer told his parents about his adventure.
“Foolishness make us scared.”
ราชสีห์กับกวาง

             กวางน้อยตัวหนึ่งแทะเล็มหญ้าอ่อนอย่างเพลิดเพลิน จนพลัดหลงเข้าไปในถิ่นของสิงโต
กวางน้อยเห็นรอยเท้าของสิงโตและรู้สึกหวาดกลัว
เพราะมันได้ยินมาว่าสิงโตนั้นใจร้ายและต้องฆ่ามันตายอย่างแน่นอน
สิงโตตัวหนึ่งเดินผ่านมาเห็นกวางน้อยหมอบตัวสั่นอยู่บนพื้น
สิงโตเดินผ่านไปโดยไม่สนใจกวางน้อยเลย ทำให้กวางน้อยสงสัยว่าเหตุใดสิงโตถึงไม่ทำร้ายตน
สักครู่หนึ่งก็มีสิงโตเดินผ่านมาอีกตัวหนึ่ง กวางน้อยค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง
สิงโตตัวที่สองก็เพียงผ่านเลยไปเหมือนตัวก่อน โดยมิได้หันมามองกวางเสียด้วยซ้ำ
กวางน้อยเล่าเรื่องราวผจญภัยให้ครอบครัวฟังอย่างมีความสุข
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ความเขลาทำให้เกิดความกลัว”

The Fox and The Kid



The Fox and The Kid
          A kid sneaked off the herd to graze in the forest.
He walked on and on until he was very far away from the herd.
When it was evening, he started to walk back.
On the way he met a fox.
The kid was frightened and tried to run away.
But the fox was faster and blocked his way.
“Don’t try to run away. It is hopeless,” growled the fox.
The kid stood still and thought of how to save himself.
Suddenly, he came up with a trick and spoke to the fox, “I have heard that you have a very beautiful voice.”
“Now that I will be your food, let me have a chance to hear your voice.”
When the fox heard the nice words, he began to howl.
His howl was so loud that it reached the dogs that looked after the goats.
The dog quickly ran towards the howl. 
When the dogs arrived, they tried to chase the fox away.
The fox could not fight the dogs. He had to leave the kid behind and quickly ran away.

“A bad situation can be solved by wise thinking.”


สุนัขจิ้งจอกกับลูกแพะ 

             ลูกแพะตัวหนึ่งหลบออกมาจากฝูงไปหาหญ้ากินในป่าตามลำพัง
มันเดินไปเรื่อย ๆ จนห่างจากฝูงออกไปมาก
พอตกตอนเย็น ลูกแพะจึงเริ่มเดินกลับไปที่ฝูงของมัน
ระหว่างทางมันบังเอิญไปเจอกับสุนัขจิ้งจอกเข้า
ลูกแพะตกใจกลัวมาก มันพยายามจะวิ่งหนี
แต่สุนัขจิ้งจอกไวกว่า จึงวิ่งมาสกัดหน้ามันไว้ได้
“เจ้าอย่าคิดหนีเลย ไม่มีทางหนีพ้นหรอก” สุนัขจิ้งจอกขู่
ลูกแพะหยุดยืนนิ่งแล้วคิดหาทางเอาตัวรอด
ทันใดนั้นมันก็นึกอุบายอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ จึงบอกสุนัขจิ้งจอกไปว่า “ข้าได้ยินมาว่าท่านมีเสียงร้องที่ไพเราะนัก”
“ไหน ๆ ข้าจะต้องเป็นอาหารของท่านแล้ว ขอให้ข้าได้มีโอกาสฟังเสียงร้องของท่านจะได้หรือไม่”
สุนัขจิ้งจอกได้ยินคำเยินยอ ก็รีบร้องหอนขึ้นทันที
เสียงร้องของมันดังไปไกลถึงฝูงสุนัขที่ทำหน้าที่ดูแลแพะ
พวกมันจึงรีบวิ่งตามเสียงร้องนั้นไป
เมื่อไปถึงมันรีบช่วยกันขับไล่สุนัขจิ้งจอก
สุนัขจิ้งจอกสู้ไม่ไหว จำต้องทิ้งลูกแพะไว้ แล้วรีบหลบหนีไปโดยเร็ว
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“สถานการณ์ที่เลวร้าย แก้ไขได้ด้วยปัญญา”

The Cock and the Fox


The Cock and the Fox
           There were villagers who had a cock. They wanted it to wake them up at dawn.
The cock was kept at the far end of the village.
Not far away, there was a fox that was waiting for a chance to catch the cock.
One day, when there was no one around; the fox went to the cock.
The fox said, “Handsome cock, do you know that your father and I are friends?” 
“I remember that your father’s crowing was beautiful; so, your crowing must be great too. Can you crow for me?” the fox asked.
Proudly, the cock agreed to crow for the fox.
When the cock began to crow, the fox jumped up, held the cock in its mouth, and ran away.
The cock was frightened and crowed louder for help. 
The villagers heard the voice. “Look, a fox is stealing our cock,” they yelled, took sticks and followed them.
The cock saw the villagers coming to help, it said to the fox, “Do you hear what they said? They won’t let you take me”
“Tell them that I am yours and they will stop following you,” the cock played tricks to the fox. Without thinking, the fox opened its mouth to shout.
At the moment, the cock flew away to the top of a tree. “What a fool you are. I’ll never be yours.”
By then, the villagers caught up with the fox. They beat up the fox and brought the cock back.
“Because of my silliness, I got hurt and lost my food,” the fox said sadly.
“Think carefully before act.”
ไก่โต้งกับสุนัขจิ้งจอก 

               มีชาวบ้านเลี้ยงไก่โต้งไว้ตัวหนึ่งเพื่อให้มันคอยร้องขันปลุกพวกเขาในเวลาใกล้ฟ้าสาง
ไก่โต้งจึงถูกจัดให้อาศัยอยู่ที่ท้ายหมู่บ้าน
ไม่ไกลกันนัก มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งคอยที่จะจับไก่โต้งตัวนี้กิน
จนวันหนึ่ง สุนัขจิ้งจอกเห็นโอกาสเหมาะ ไม่มีใครจึงเดินรี่ไปหาไก่โต้งทันที
เมื่อไปถึง มันจึงเอ๋ยทักขึ้นว่า “เจ้าไก่โต้งผู้งามสง่า เจ้ารู้ไหมว่าข้ากับพ่อของเจ้าเป็นเพื่อนกัน”
“ข้าจำได้ว่า เสียงขันของพ่อเจ้าช่างไพเราะนัก เจ้าเองก็คงขันได้ไพเราะเช่นกัน เจ้าจะกรุณาขันให้ข้าได้ยินสักนิดได้หรือไม่” สุนัขจิ้งจอกแสร้งขอร้อง
ไก่โต้งได้ยินก็ยิ้มแล้วพยักหน้ารับอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อไก่โต้งเริ่มโก่งคอขัน เจ้าสุนัขจิ้งจอกซึ่งรออยู่รีบกระโดดขึ้นคาบไก่โต้งไว้แล้ววิ่งหนีไป
ไก่โต้งตกใจ พยายามขันเสียงดังหวังให้ชาวบ้านได้ยิน
เมื่อชาวบ้านได้ยินเสียงร้องของไก่โต้ง “ดูนั่น! หมาจิ้งจอกกำลังคาบไก่ของเราวิ่งหนีไปแล้ว” ชาวบ้านตะโกนบอกกัน แล้วต่างพากันคว้าท่อนไม้ออกวิ่งไล่ตามไป
เมื่อไก่โต้งเห็นชาวบ้านวิ่งตามมา มันจึงหันมาบอกเจ้าสุนัขจิ้งจอกว่า “เจ้าได้ยินที่พวกเขาพูดกันหรือไม่ ว่าจะไม่ยอมให้เจ้าเอาข้าไป”
“ทำไมเจ้าไม่ร้องบอกพวกเขาไปว่า ข้าเป็นไก่ของเจ้า พวกเขาจะได้เลิกตาม” ไก่โต้งใช้อุบายหลอก โดยไม่ทันคิดไตร่ตรอง เจ้าสุนัขจิ้งจอกรีบเปิดปากเพื่อตะโกนทันที
จังหวะนั้นเอง เจ้าไก่โต้งรีบบินหนีไปเกาะที่กิ่งไม้แล้วหันมาพูดเยาะเย้ยว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาเสียจริง ข้าไม่มีวันเป็นของเข้าหรอก”
พอดีกับที่ชาวบ้านวิ่งมาถึง ต่างช่วยกันทุบตีเจ้าสุนัขจิ้งจอกเป็นการใหญ่ ก่อนที่จะอุ้มไก่โต้งกลับไป
สุนัขจิ้งจอกได้แต่คร่ำครวญว่า “ข้าต้องมาเจ็บตัว แถมอดกินเจ้าไก่โต้งนั่น เพราะความเบาปัญญาของตัวข้าเองแท้ ๆ ”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“คิดให้รอบคอบก่อนลงมือทำ”

วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การใช้ Tense ต่างๆ

การใช้ Future Simple Tense

โครงสร้าง (S. + will/shall + V.1)

ในแทบทุกกรณี (โดยเฉพาะในภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน) * will ใช้กับประธานทุกคำรวมทั้ง I และ We
ในประโยคสนทนาไม่มีปัญหาในการใช้ shall หรือ will เนื่องจากทั้ง shall และ will ต่างก็ลดเสียงเป็น 'll เหมือนกัน

We'll be back.
They'll go home.

1.ใช้กับการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งปกติจะมีคำแสงอนาคต กำกับอยู่ด้วย เช่น
soon, shortly, tomorrow, tonight, next week, next month, next year, in a few minutes, a month from now เช่น

  • They will leave soon.
  • They will leave tonight.
  • They will leave tomorrow.
ข้อสังเกตทั่วไป

1.shall กับ will

คำทั้งสองนี้มีความหมายได้ 3 อย่าง คือ แสดงความสมัครใจ แสดงความจำใจ แสดงความเป็นอนาคต
ความหมายทั้งสามนี้ แม้จะรู้ว่ามันมีอยู่ แต่เราไม่สามารถชี้ให้เห็นถึงข้อแตกต่างอย่างชัดเจนได้ เมื่อใช้แสดงอนาคตนั้นก็แสดงความจงใจด้วยในตัว เป็นต้น

2.'Pure' Future

โดยเหตุที่ความหมายของ will / shall เป็นได้หลายกรณีดังกล่าวเมื่อใช้ในความหมายที่แสดงอนาคตอย่างแท้จริง จึงนิยมเรียกชื่อเสียใหม่ว่า 'Pure' Future เช่น

  • I shall be twenty-nine tomorrow. พรุ่งนี้ผมจะมีอายุ(ครบ) 29 ปี
ในกรณีที่ประโยคเป็น 'Pure' Future นั้น โดยปกติใช้ I shall, we shall เสมอ คำอื่น ๆใช้ will ทั้งหมด คือเป็นไปตามกฎโดยเคร่งครัด

3.ในประเทศอังกฤษ (ซึ่งเรียกว่า England ไม่ใช่รวมทั้งเกาะซึ่งเรียกว่า Britain) หรืจะว่าตามจริงก็ต้องในนครลอนดอน รูปคำถามของ I และ We มักเป็น Shall I? หรือ we? เสมอ ยกเว้นในกรณีต่อไปนี้


  • 'You'll never pass the examination.' คุณจะสอบไม่ได้แน่
  • 'Won't I?' ทำไมหละ( = ทำไมถึงจะสอบไม่ได้ล่ะ ,ทำไมถึงว่าอย่างนั้นล่ะ มีเหตุผลอะไร)
4.Shall I? Shall we?

ข้อความนี้มีความหมายเป็นเชิงขออนุญาต ไม่มีความหมายเป็นคำถามเต็มที่ เช่น

  • Shall I open the window? ผมเปิดหน้าต่างได้ไหมครับ
5.Will you? มีความหมายเป็นเชิงว่า คุณจะกรุณา... ได้ไหม (= Are you willing to.. หรือ Would you like to ...) เช่น
  • Will you help me carry this bag? คุณจะช่วยกรุณาถือกระเป๋านี้ได้ไหม
6.เมื่อประธานมีหลายตัวแม้จะมี I รวมอยู่ด้วยก็ใช้ will
  • You and I will both be promoted. คุณและผมทั้งสองคนจะได้เลื่อนขั้น

การใช้ Present Continuous Tense

การใช้ Present Continuous Tense

โครงสร้าง (S. + is/am/are + V.ing)

1.ใช้เมื่อการกระทำนั้นกำลังดำเนินอยู่ต่อหน้า(ในขณะที่พูดประโยคนั้น) เช่น
  • The sun is shining. ดวงอาทิตย์กำลังส่องแสง
  • The bees are humming. ฝูงผึ้งกำลังส่งเสียงหึ่ง
  • What are you doing? คุณกำลังทำอะไร
ในกรณีที่ผู้พูดต้องการ เน้นคำว่า กำลัง ให้หนักแน่นยิ่งขึ้น นิยมเติมคำ just ลงข้างหน้า(just ในกรณีเช่นนี้ไม่มีคำแปลในภาษาไทย)เช่น
  • The children are just having breakfast. พวกเด็ก ๆ กำลังรับประทานอาหารเช้ากันอยู่
2.ใช้ในเหตุการณ์ที่ดำเนินอยู่เป็นประจำในขณะที่พูด

นี่เป็นข้อยกเว้นจากหลักทั่วไปที่ว่า ใช้ Present Simple กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เช่น
  • My son works hard this term. เทอมนี้ ลูกชายของผมเรียนหนังสืออย่างขะมักเขม้น
  • He tries his best now. ขณะนี้เขา(ใช้ความ)พยายามอย่างเต็มที่ (อย่างเต็มความสามารถ)
ประโยคทั้งสองนี้ใช้ตามหลักทั่วไป ซึ่งจะพบว่าเป็นประโยคเนือย ๆ ไม่กระฉับกระแฉง ประโยคดังกล่าวจะมีความหมายดียิ่งขึ้นไปอีก ถ้าใช้ Present Continuous คือ
  • My son is working hard this term.
  • He is trying his best now.
3.ใช้แสดงเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน

การใช้ Present Coutinuous ในความหมายที่เป็นอนาคตนี้ ปกติเขาใช้กับกริยาที่มีการเคลื่อนที่(verbs of movement) แต่จะใช้ กับกริยาอื่นบ้างก็ได้ เช่น
  • We are going to Paris on Sunday. วันอาทิตย์นี้เราจะไปนครปารีส
  • Dang is coming here next week and is staying here until May. แดงจะมาที่นี่ในสัปดาห์หน้า และเขาจะอยู่ที่นี่จนถึงเดือนพฤษภาคม
  • What are you doing next Sunday? วันอาทิตย์หน้าคุณจะทำอย่างไร

กริยาที่ไม่ใช้ใน Continuous Tenses เช่น

hear, see, feel, smell, taste, love, hate, know, understand, believe
หมายเหตุ ฯลฯ

กริยาที่ไม่ใช้ใน Continuous ได้แก่ กริยาแสดงการรับรู้ (verbs of perception) แสดงภาวะของจิตใจ(state of mind) ความรู้สึก(feeling) หรือแสดงสัมพันธภาพ (relationship)

เมื่อต้องการจะบอกว่า กำลังมีอาการเช่นนี้อยู่ คงใช้เพียง Present simple เท่านั้น เช่น
  • I don't see anything here.(ไม่ใช่ I am not seeing....) ผมไม่เห็นอะไรที่นี้เลย
  • I see what you mean. (ไม่ใช่ I am seeing...) ผมเข้าใจว่าคุณหมายความถึงอะไร
  • Do you hear the noise? (ไม่ใช่ Are you hearing...) คุณได้ยินเสียงอะไรไหม


 

การใช้ Past Perfect Tense

การใช้ Past Perfect Tense



โครงสร้าง (S. + had + V.3)

1. ใช้เมื่อมีเหตุการณ์ 2 อย่างในอดีต อย่างหนึ่งเกิดก่อนอีกอย่างหนึ่ง
เหตุการณ์ที่เกิดก่อนใช้ Past Perfect
เหตุการณ์ที่เกิดภายหลังใช้ Past Simple
Anong had learned English before she went to England. อนงค์เรียนภาษาอังกฤษก่อนไปประเทศอังกฤษ
When we got to the field, the football match had already started. เมื่อเราไปถึงสนามนั้น การแข่งขันฟุตบอลได้เริ่มขึ้นแล้ว
I didn't go to the cinema because I had already seen the film. ผมไม่ไปดูหนัง เพราะผมดูหนังเรื่องนั้นมาแล้ว
I had lost my pen and I was unable to do the exercises. ผมทำปากกาหาย ผมจึงไม่สามารถทำแบบฝึกหัดได้
He had unlocked the door , there was nothing to prevent you from going out. เขาไขกุญแจประ

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

การใช้ Past Perfect Continuous Tense

การใช้ Past Perfect Continuous Tense


โครงสร้าง (S. + had been + V.ing)

การใช้ Past Perfect Continuous มีหลักการเช่นเดียวกับการใช้ Past Perfect ธรรมดา คือ โดยปกติจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์ในอดีต 2 เหตุการณ์ ขณะที่เหตุการณ์หนึ่งกำลังดำเนินอยู่ก็มีอีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
เหตุการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ใช้ Past Perfect Continuous
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ ใช้ Past Simple
When I got to the meeting, the lecturer had spoken for half an hour. เมื่อผมไปถึงที่ประชุมนั้น ผู้บรรยายได้พูดมาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว
จะเห็นว่า ประโยคนี้ได้ความดีอยู่แล้วจากการใช้ Past Perfect ธรรมดา แต่ประโยคนี้จะได้ความดีขึ้นอีก ถ้าใช้ Past Perfect Continuous คือ
When I got to the meeting, the lecturer had been speaking for half an hour.
ซึ่งถ้าดูคำแปลประโยคนี้ ก็จะเหมือนกับคำแปลที่แล้ว แต่ความหมายของประโยคนี้ดีกว่าประโยคก่อนเพราะเน้นถึงการที่ผู้บรรยายได้บรรยายติดต่อกัน มาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ต่างกับประโยคแรกที่ไม่ได้เน้นถึงความต่อเนื่องของการบรรยาย (โดยปกติการบรรยายนั้นเขาก็บรรยายติดต่อกันมาไม่ได้บรรยายแล้วหยุดแล้วบรรยายต่อ ดังนั้นประโยคนี้จึงได้ใจความดีกว่าประโยคแรกมากดังกล่าวแล้ว)

โดยทำนองเดียวกัน ประโยคว่า
The telephone had been ringing for five minutes before it was answered. โทรศัพท์ได้ฟัง (ติดต่อกันมา) เป็นเวลาห้านทีก่อนที่จะมีผู้รับ
ย่อมได้หมายความดีกว่าประโยคว่า
The telephone had rung for five minutes before it was answered.
ประโยคหลังนี้ไม่ผิด แต่ความหนักแน่นสู้ประโยคแรกไม่ได้ เนื่องจากประโยคแรกเน้นถึงการที่โทรศัพท์ดังติดต่อกันมาเป็นเวลาห้านาที ซึ่งประโยคหลังนี้ไม่มีการเน้นดังกล่าว


ควรระวัง กริยาที่ไม่แสดงความต่อเนื่องจะใช้ใน Continuous Tense ไม่ได้

การใช้ Present Perfect Continuous Tense

การใช้ Present Perfect Continuous Tense


โครงสร้าง (S. + has/have been + V.ing)

ใช้ได้เฉพาะกริยาที่มีการต่อเนื่อง ใช้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและดำเนินติดต่อกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เช่น
Bill has been living in Bangkok since 1975. บิลอยู่ในกรุงเทพมาตั้งแต่ปี 1975.
จะเห็นว่า การใช้ Present Perfect Continuous ก็เหมือนกับการใช้ Present Perfect ธรรมดา เพียงแต่ Present Perfect Continuous เน้นถึงความต่อเนื่องของเวลามากกว่า Present Perfect ธรรมดาเท่านั้น
ปกติ : Bill has lived in Bangkok since 1975.
เน้นความต่อเนื่อง : Bill has been living in Bangkok since 1975. บิลอยู่ในกรุงเทพมาตั้งแต่ปี 1975.
ปกติ : He has worked on the problem for two hours so far.
เน้นความต่อเนื่อง : He has been working on the problem for two hours so far. เขาทำโจทย์มาเป็นเวลา 2 ชั่วโมงแล้ว
Note ควรระวังว่ากริยาที่ไม่แสดงความต่อเนื่องของการกระทำ ( continuity of action ) จะใช้ tense นี้ไม่ได้
ผิด : The train has been arriving.
ถูก : The train has arrived.
ผิด : The clock has been stopping.
ถูก : The clock has stopped.
ระวังว่าเราจะไม่ใช้ Perfect Continuous กับคำต่อไปนี้ just, already, never, finally

การใช้ Present Simple Tense

การใช้ Present Simple Tense


1. ใช้กับความจริงที่เป็นกฏตายตัว ( general truth) เช่น
It's cold in winter. อากาศหนาวในฤดูหนาว
The earth moves round the sun. โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
The sun rises in the east. ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก
Birds fly. นกบิน
Action speak louder than words. การกระทำดังกว่าคำพูด(=ทำดีกว่าพูด)

2. ใช้กับการกระทำซึ่งเป็นประจำในปัจจุบัน ( repeated or habitual facts ) เช่น
He says hello every time he sees me. เขาทักฉันทุกครั้งที่พบกัน
He gets up early everyday. เขาตื่นแต่เช้าทุกวัน
He comes to her place several times a week. เขามาหาหล่อนที่บ้านสัปดาห์ละหลายครั้ง
Ladda usually goes shopping on Sunday. ลัดดามักจะไปซื้อของในวันอาทิตย์
I sometimes go to the movies with her. บางครั้งผมก็ไปดูหนังกับหล่อน

3. ใช้กับสิ่งที่กำหนดแน่นอนแล้วว่าจะกระทำในอนาคต เช่น
I leave by the 6.20 train this evening. ผม(ตกลงใจ)จะออกเดินทางโดยขบวนรถไฟ 18.20 น. เย็นวันนี้
He sets sail tomorrow and comes back next week. เขา(ตกลงใจ)จะออกเรือพรุ่งนี้ และจะกลับ(แน่นอน) ในสัปดาห์หน้า
We attack at dawn. เรา(ตัดสินใจ)จะเข้าโจมตีเวลาเช้าตรู่

4. อาจใช้ ในการสรุปเรื่องนิยาย หรือละคร เช่น
Bassanio wants to go to Belmont to woo Portia. He asks Antonio to lend him money. Antonio says that he hasn't any at the moment until his ships come to port. บัส สานิโอต้องการจะไปเบลมองค์เพื่อเกี้ยวพาราศีนางปอร์เซียเขาขอยืมเงินอันโต นิโอ อันโตนิโอบอกว่า ขณะนี้เขาไม่มีเงินเลย จนกว่าเรือจะเข้าเทียบท่าแล้ว(เขาจึงจะมี)

ไวยากรณ์น่ารู้

โครงสร้างของ Tense ทั้ง 12



Present Tense
  1. Present Simple (S. + V.1)  >>ดูวิธีการใช้<<
  2. Present Continuous (S. + is/am/are + V.ing)>>ดูวิธีการใช้<<
  3. Present Perfect (S. + has/have + V.3)
  4. Present Perfect Continuous (S. + has/have been + V.ing)>>ดูวิธีการใช้<<
Past Tense
  1. Past Simple (S. + V.2)>>ดูวิธีการใช้<<
  2. Past Continuous (S. + was/were + V.ing)>>ดูวิธีการใช้<<
  3. Past Perfect (S. + had + V.3)>>ดูวิธีการใช้<<
  4. Past Perfect Continuous (S. + had been + V.ing)>>ดูวิธีการใช้<<
Futere Tense
  1. Future Simple (S. + will/shall + V.1) >>ดูวิธีการใช้<<
  2. Future Continuous (S. + will/shall be + V.ing) >>ดูวิธีการใช้<<
  3. Future Perfect (S. + will have + V.3) >>ดูวิธีการใช้<<
  4. Future Perfect Continuous (S. + will/shall have been + V.ing)

คำศัพท์ที่น่าสนใจ

ห้องน้ำ bathroom


คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Bath towelบาธ เทา'เอิลผ้าเช็ดตัว
Bathtubบาธ ทูบอ่างอาบน้ำ
Drain เดรนท่อระบายน้ำ
Foam โฟมโฟมล้างหน้า
Faucet ฟอ'ซีทก๊อกน้ำ
Liquid soap ลิค'ควิด โซพสบู่เหลว
Hand towel แฮนด์ เทา'เอิลผ้าเช็ดมือ
Mirror มี'เรอะกระจก
Sinkซิงคอ่างล้างมือ
Shampoo แชมพูแชมพูสระผม
Soapโซพสบู่ก้อน
Showerhead เชา'เออะ เฮดฝักบัว
Shower gel เชา'เออะ เจลครีมอาบน้ำ
Tissue paperทิช‘ชิว เพเพอะกระดาษทิชชู่
Toothpaste ทูธ'เพสทยาสีฟัน
Toothbrush ทูธ'บรัชแปรงสีฟัน
Towel rackเทา'เอิล แรคราวแขวนผ้าเช็ดตัว
Washbasin วอช เบซินอ่างล้างมือ
Water heaterวอ'เทอะ ฮีเทอะเครื่องทำน้ำอุ่น
Washcloth วอช'คลอธผ้าสำหรับเช็ดหน้า

คำศัพท์อารมณ์ ภาษาอังกฤษ mood

mood อารมณ์

คำศัพท์คำอ่านความหมาย
Proud เพราด์ภาคภูมิใจ
Hope โฮพคาดหวัง
Surpriseเซอไพรซประหลาดใจ
Ashamed อะเชมด์อับอาย
Humiliateฮิวมิล'ลี เอทอายมาก
Boreบอร์เบื่อหน่าย
Scareสแคร์กลัว
Exciteเอค ไซทตื่นเต้น
Confuseคันฟิวซสับสน มึนงง
Angry แอง'กรีโกรธ
Frustrated ฟรัสเทรท‘ทิคหงุดหงิด ข้องใจ
Upset เซทอัพอารมณ์เสีย
Tired ไท'เออดเหนื่อย
Exhausted เอกซอสท์เหนื่อยมาก
Disappointed ดิสอะพอย'ทิดผิดหวัง
Furious ฟิว'เรียสโกรธมาก
Terrified เทริฟ'ฟิคกลัวมาก
Terriblyเทอ'ระบลีแย่
Calm แคลมสงบเงียบ
Pain เพนเจ็บปวด
Sleepy สลีพ'พีง่วง
Vigorous วิก'เกอะเริสกระปรี้กระเปร่า
Worried วอ'ริดกังวล
Relieveรีลีฟวโล่งใจ
Sick ซิคท์ป่วย
Hurt เฮิร์ทเจ็บปวดใจ,เสียใจ
Lonely โลน'ลีเหงา ว้าเหว่
In love อิน ลัฟมีความรัก
Sad แซดเศร้า เสียใจ
Happy แฮพ'พีมีความสุข
Home sick โฮม'ซิคคิดถึงบ้าน

คำศัพท์ ครอบครัว ภาษาอังกฤษ family

family ครอบครัว


 
คำศัพท์คำอ่านความหมาย
parentแพ'เรินทพ่อแม่ 
fatherฟา'เธอะพ่อ , บิดา
motherมา'เธอะแม่ , มารดา
sonซันบุตรชาย
daughterดอ'เทอะบุตรหญิง
husbandฮัซ'เบินดสามี
wifeไวฟภรรยา
childไชดเด็ก
brotherบรา'เธอะพี่ชาย,น้องชาย
sisterซิส'เทอะพี่สาว,น้องสาว
nephewเนฟ'ฟิวหลาน (ชาย)
nieceนีซหลาน (หญิง)
uncleอัง'เคิลลุง
auntอานทป้า
grandsonแกรนด'ซันหลานชาย
granddaughterแกรนด'ดอเทอะหลานสาว
grandmother แกรนด'มาเทอะยาย, ย่า
grandfather แกรนด'ฟาเธอะตา, ปู่
grandparentsแกรนด'แพเรินสปู่, ย่า,ตา,ยาย
cousinคัซ'เซินลูกพี่ลูกน้อง
godfatherกอดฟาเธอะพ่ออุปถัมภ์
godmotherกอดมาเธอะแม่อุปถัมภ์
stepfatherสเทพฟาเธอะพ่อเลี้ยง
stepmotherสเทพมาเธอะแม่เลี้ยง
godsonกอด'ซันลูกอุปถัมภ์(ชาย)
goddaughterกอด'ดอเธอะลูกอุปถัมภ์(หญิง)
stepsonสเทพ'ซันลูกเลี้ยงชาย
stepdaughterสเทพ'ดอเธอะลูกเลี้ยงหญิง
son-in-lawซัน-อิน-ลอวบุตรเขย
daughter-in-lawดอเธอะ-อิน-ลอบุตรสะใภ้
sister-in-lawซิสเธอะ-อิน-ลอพี่สะใภ้, น้องสะใภ้
brother-in-lawบราเทอะ-อิน-ลอพี่เขย, น้องเขย
mother-in-lawมาเทอะ-อิน-ลอแม่สามี, แม่ยาย
father-in-lawฟาเธอะ-อิน-ลอพ่อตา, พ่อสามี

คำศัพท์ เครื่องครัว ภาษาอังกฤษ kitchenware

 kitchenware เครื่องครัว


 
คำศัพท์คำอ่านความหมาย
ovenอัฟ'เวินเตาอบ
refrigeratorรีฟริจ'จะเรเทอะตู้เย็น
fridgeฟริดจตู้เย็น
washing machineวอชด'ชิง มะชีนเครื่องซักผ้า
dishwasherดิช'วอชเชอะเครื่องล้างจาน
sinkซิงค์อ่างน้ำ
plugพลัคตัวอุด
washing-up liquidวอชชิง อัพ ลิคควิดน้ำยาซักผ้า
dishclothดิช'คลอธผ้าเช็ดชาม
tea towelที เทาเอิลผ้าเช็ดถ้วย
oven clothอัฟเวิน คลอธตู้อบผ้า
grillกริลตะแกรง
freezerฟรีซ'เซอะช่องแช่แข็งในตู้เย็น
chopping boardชอพพิง บอร์ดเขียง
plateเพลทจาน
cupคัพถ้วยกาแฟ
saucerซอ'เซอะจานรองถ้วย
bowlโบลชาม, ถ้วย
knifeไนฟมีด
forkฟอร์คส้อม
spoonสพูนช้อน
teaspoonทีสพูนช้อนชา
tablespoonเทเบิล สพูนช้อนโต๊ะ
carving knifeคาร์'วิง ไนทมีแล่เนื้อ
frying panไฟลอิง แพนกระทะ
saucepanซอ'เซอะแพนหม้อมีด้ามถือ
kettleเคท'เทิลกาน้ำ
toasterโทส'เทอะเครื่องปิ้งขนมปัง
jugจักเหยือกน้ำ
sugar bowlซูการ์ โบลโถน้ำตาล
trayเทรถาด
mugมักเหยือก
glassกลาสแก้ว
wine glassไวน์กลาสแก้วไวน์
crockeryครอค'เคอรีเครื่องถ้วยชาม